กลุ่มสตาร์ทอัพสายสุขภาพประเทศไทย ประกาศจะจัดตั้งสมาคม Health Startup Network (HSN)เพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมาย อำนวยความสะดวกในการสร้างนวัตกรรมใหม่ และลดความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพสายนี้ HSN มาจากการรวมกลุ่มสตาร์ทอัพสุขภาพหลายๆ บริษัทหนึ่งในนั้นคือ Ooca แพลตฟอร์มสื่อกลางระหว่างจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และคนไข้ หรือคนทั่วไปที่มีปัญหาในใจ และอยากคุยกับแพทย์ โดยมีผู้ก่อตั้งคือ ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ หรือ หมออิ๊ก
“Ooca เกิดขึ้นมาได้เพราะมีกำแพงใหญ่กั้นระหว่างประชาชนกับจิตแพทย์“
สวัสดีค่ะ ชื่อ ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะทันตแพทยศาสตร์ เมื่อเรียนจบก็ทำงานเป็นทันตแพทย์ในกองทัพบก รับราชการประมาณสองปี ช่วงที่รับราชการได้เห็นปัญหาการเข้าถึงบริการทางสุขภาพในหลายๆ ด้าน ทำให้รู้สึกว่า การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแพทย์เป็นเรื่องจำเป็นมาก
ประเทศไทยค่อนข้างมีเอกลักษณ์ เราโชคดีมี 30 บาทรักษาทุกโรค เรามีระบบประกันสุขภาพที่ดี ประชาชนเบิกจ่ายค่ารักษาได้ แต่เรายังมีข้อจำกัดบางอย่าง คือ ถ้าประชาชนต้องการเข้าพบ หรือปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อย่างเช่น สาขาจิตวิทยาการปรึกษา หรือจิตแพทย์ พบว่าจำนวนบุคลากรเหล่านี้ยังมีค่อนข้างน้อย ผู้ให้บริการส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่เมืองใหญ่ ส่วนในพื้นที่ห่างไกล อาจมีจิตแพทย์แค่คนสองคน หรือบางจังหวัดก็อาจไม่มีเลย ความคิดริเริ่มอยากทำ Ooca จึงเริ่มขึ้นจากตรงนี้ อยากทำให้ช่องทางการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตนั้นง่าย ซึ่งเทคโนโลยีทำได้ และทุกอย่างเป็นความลับได้ด้วย อยากให้มองว่า สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีปัญหาทางจิต โรคซึมเศร้าเท่านั้น
เพราะเหตุใดจึงเจาะจงเลือกสาขาจิตวิทยามาทำแพลตฟอร์ม Ooca
จริงๆ แล้วทุกโรคมีความสำคัญหมด อยู่ที่เรามีจุดยืนตรงไหน ถ้าดูจากสถิติ คือประชากร 1 ใน 4 เจอต้องเหตุการณ์ที่มากระทบกระเทือนใจจนถึงขั้นเป็น หรือเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้า ตัวเลขจากองค์การอนามัยโลก บอกว่ามีคนทั่วโลกกว่า 300 ล้านคนเป็นโรคซึมเศร้า จะเห็นได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดกับใครก็ได้ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามันคาดเดาไม่ได้
นั่นหมายความว่า Ooca เปิดรับทุกคน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนไข้ที่ต้องกินยา?
Ooca เปิดรับคนทั่วไปทุกคน ใครก็ได้ที่มีปัญหาชีวิตเข้ามาคุยได้เลย เพราะเราไม่ได้ตั้งเป้าหมายที่คนเป็นโรค ถ้าเป็นโรคแล้วต้องไปโรงพยาบาล แต่ตั้งเป้าหมายไปที่คนมีปัญหาอยากให้ช่วย ให้เข้ามาคุยโดยมีคนมืออาชีพด้านการปรึกษามาช่วยเหลือ
บนระบบ Ooca ไม่มีการจ่ายยา เป็นการพูดคุยปรึกษาปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น ถ้าคุยแล้ว นักจิตวิทยาการปรึกษาหรือจิตแพทย์บนแพลตฟอร์ม มีความเห็นว่าควรจะได้รับการรักษาอยางจริงจังอย่างต่อเนื่อง จะแนะนำให้ไปสถานพยาบาลที่อยู่ใกล้กับคนไข้ ซึ่งเรามีลิสต์รายชื่ออยู่ ถือว่าเราอยากเป็นประตูบานแรกให้คนที่อยากมีที่ปรึกษา คนที่ไม่กล้า คนที่มีปัญหาในใจแต่ไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไร
ช่วยเล่าวิธีการใช้งานแพลตฟอร์มให้ฟังหน่อย
ตัวเว็บไซต์เป็น progressive web app เข้าได้จาก Chrome macOS Windows Android Firefox ส่วนตัววิดีโอคอลก็ขึ้นตรงกับ Chrome จึงมีข้อจำกัดเล็กน้อยตรงที่ยังเข้าจากไอโฟนไม่ได้ ซึ่งเดี๋ยวจะมีเป็นแอพออกมา อยู่ระหว่างทำเอกสารเพื่อขึ้น App Store
ผู้ใช้จะเห็นคำว่า “เริ่มเลย” เมื่อกดแล้วระบบจะนำไปที่หน้ากรอกข้อมูล ผู้ใช้สมัครได้โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมอะไรเพิ่มเติม ที่สำคัญ ในระบบไม่ได้บังคับว่าต้องบอกชื่อ นามสกุลจริง ใช้ชื่อสมมติได้ แต่ต้องการอายุ และเพศ
ในอนาคตระบบเราจะไปเชื่อมต่อกับระบบของโรงพยาบาล ถ้าวันไหนคุณอยากให้ข้อมูลของคุณ เชื่อมกับระบบโรงพยาบาล ก็ค่อยมาใส่รายละเอียดที่แท้จริง ส่วนข้อมูล พาสเวิร์ด เรามีการเข้ารหัสไว้แล้ว และมีไฟร์วอลช่วยปกป้องรายละเอียดความลับข้อมูลส่วนบุคคล
รูปแบบการพูดคุยเป็นแบบไหน
เบื้องต้นเราทำให้รูปแบบการคุยเป็นวิดีโอคอลอย่างเดียว เพราะจิตแพทย์ให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางสีหน้ามาก แต่อนาคตจะทำเป็นฟังก์ชั่นให้หมอเลือกว่ารับได้ไหมถ้าเป็นโทรคุยอย่างเดียว เพราะเราต้องยืดหยุ่นความต้องการสองฝ่าย
มีมาตรฐานความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อย่างไรบ้าง
Ooca ยึดมาตรฐานตามหลักของ HIPAA Compliance เป็นมาตรฐานการปกป้องข้อมูลของคนไข้ในสหรัฐฯ เนื่องจากประเทศไทย ยังไม่พบว่ามีการบังคับใช้มาตรฐานการปกป้องข้อมูลของผู้ป่วยอย่างชัดเจน บริษัทเลยยึดตามมาตรฐานนี้เป็นหลัก
ผู้ให้บริการเป็นใครบ้าง และคิดราคาอย่างไร
Ooca เพิ่งเปิดใช้งานมาได้ไม่นาน ตอนนี้บนแพลตฟอร์มมีนักจิตวิทยาการปรึกษา และจิตแพทย์รวมกันแล้วประมาณ 8-9 คน จิตแพทย์ต้องมีบอร์ด (วุฒิบัตรจากราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย) ส่วนนักจิตวิทยามีสองประเภท คือนักจิตวิทยาคลินิกที่ลงลึกเรื่อง disorder และ ทำแบบทดสอบพิจารณาคนไข้ กับนักจิตวิทยาการปรึกษาที่ถนัดเรื่องการให้คำปรึกษา
นักจิตวิทยาทั้งสองประเภทมีการควบคุมไม่เหมือนกัน นักจิตวิทยาคลินิกต้องสอบจนได้บอร์ดรับรอง ส่วนนักจิตวิทยาการปรึกษา ยังไม่มีกำหนดว่าต้องมีบอร์ด แต่บนระบบของ Ooca มี requirement พื้นฐานคือต้องจบการศึกษาด้านนี้ปริญญาโทอย่างต่ำ ส่วนนักจิตวิทยาคลินิกกับจิตแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ สอบบอร์ดผ่าน และเราจะมาสอบถามทัศนคติการให้คำปรึกษาทางไกลอีกที
เรามีระบบจองล่วงหน้า จำกัดเวลาไม่เกิน 2 เดือน หมอแต่ละคนเป็นคนตั้งราคา กำหนดวันและเวลาเอง และถ้าเขาสะดวกรับวอล์คอิน เขาก็จะกำหนดเอง แพลตฟอร์มของเราเป็นแค่เครื่องมือให้จิตแพทย์และประชาชนเข้าถึงกันได้ง่ายมากขึ้น
ส่วนราคา ในระบบมีชี้แจงประวัติการศึกษาและค่าใช้จ่ายของหมอแต่ละคนไว้ คิดค่าบริการตามอัตราการใช้บริการเป็นนาที ถ้าเข้ามาครั้งแรก 15 นาทีแรก จะไม่เกิน 300 บาท
ผู้ใช้บริการต้องจ่ายขั้นต่ำก่อน 300 บาท ถ้าคุยเสร็จแล้วเวลาเกินระบบจะตัดเงินตามเวลาที่ใช้จริง Ooca ก็กินเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่ง เราพยายามควบคุมราคาให้ไม่สูงเกินไป ถ้าหมอตั้งราคามาสูง เราก็เก็บสูง ถ้าหมอคนไหนตั้งราคาไม่สูง เราก็จะขอค่าส่วนแบ่งน้อย เพื่อช่วยเหลือหมอที่อยากให้บริการในราคาเป็นมิตร ก็ถือว่าช่วยเหลือกัน
ดิฉันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในการพยายามผลักดันให้แฟลตฟอร์มนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม Health Tech เป็นสิ่งที่ disrupt ยากที่สุด ผู้เล่นในตลาดนี้ต้องมีความอดทนสูง ต้องเปิดใจ ถึงจะสร้างสรรค์การพัฒนาอะไรใหม่ๆ ได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเหมาะสม หลักความปลอดภัย เพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย
เมื่อใดก็ตามที่การร่วมมือกันพัฒนา ระหว่าง innovator, stakeholder หรือโรงพยาบาล และ ผู้บังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นแล้ว และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะทำให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนนับไม่ถ้วน
เครดิต: blognone.com
6,429 , 3