Rompboy’ กับความพิถีพิถันในแบบของบู้ มือเบสวง Slur และวันที่กล้าท้าดวลกับแบรนด์ต่างชาติ
ดีที่สุดของ Rompboy
คุณอาจรู้จักกับ ‘บู้ Slur’ ในอีกมุมหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว แต่ถ้าวันนี้ลอง Google ค้นหาคำว่า ‘บู้ Rompboy’ เชื่อเถอะว่าคุณจะพบผลการค้นหาจำนวนมากซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจแบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าที่เขาปลุกปล้ำมันขึ้นมา
ในภาพที่สนุกสนาน เจ้าตัวบอกกับเราว่ามีทั้งช่วงที่ล้มลุก และช่วงที่เก็บเกี่ยวความสวยงามจากมัน อย่างไรก็ตามเขาก็เหมือนกับไอค่อนศิลปินหนุ่มที่ผันตัวมาทำแบรนด์แฟชั่นของตัวเองจนได้ดีไปคนหนึ่ง ซึ่งบู้ก็บอกว่า ความรู้สึกปัจจุบันนี้ คือความรู้สึกเหมือนเมื่อตอนเสื้อตัวแรก และรองเท้าคู่แรกขายได้ ทั้งหมดยังเป็นเช่นเดิม เพราะเขายังรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นคนใส่ Rompboy เสมอ และทุกๆ ครั้งที่ออกโปรเจ็กต์ใหม่ เชื่อเถอะว่ามันผ่านการคิดแล้วคิดอีก พยายามเลือกสรรรายละเอียดให้ต่างจากคนอื่นมากที่สุด
เมนูที่คัดสรรมาแล้ว
“ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์คู่แข่งทำรองเท้าค่อนข้างเยอะ ผมดูเฟสบุ๊กที่ขึ้นสปอนเซอร์ ดูวิธีการบูสโพสต์ ดูวิธีการขาย นี่มันทิ่มกลุ่มเป้าหมายเราชัดๆ ลูกค้าแบรนด์รองเท้านี่มันเป็นลูกค้าเราเลยนี่หว่า มันเหมือนเราไปจั่วอะไรติดไว้สักอย่าง เลยมีคนอยากเอาบ้าง
เรื่องนี้ผมไม่กังวลนะ ใครอยากจะทำก็ทำไป แต่เรามั่นใจเลยว่าเราไม่แพ้ใคร เราพิถีพิถัน เลือกแล้วเลือกอีก นั่นเพราะส่วนตัวผมเป็นคนชอบรองเท้ามากๆ ซื้อสะสม ซื้อเยอะมาก เมื่อถึงเวลาที่ผมต้องทำ ผมก็จะทำในสิ่งที่ผมคิดว่ามันเจ๋งพอที่คนจะอยากใส่ และชัดเจนว่านี่คือรองเท้าที่คนสะสมรองเท้าทำ ไม่ใช่คนที่อยากทำรองเท้าขาย”
สำหรับทิศทางของ Rompboy ต่อจากนี้เป็นอย่างไร บู้บอกว่า จะให้ความสำคัญกับความ Limited มากขึ้น และรองเท้าในแต่ละรุ่นถัดไปจากนี้จะแตกต่างกันออกไปตามการร่วมงานกับแบรนด์อื่น
แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของบู้
จากมือเบสวงอินดี้ ใครจะรู้ว่าเราจะเห็นสายตาจริงจังทุกครั้งที่พูดถึงความเป็นไปของธุรกิจ บทสนทนาทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า (2018) และปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้สภาพคล่องการซื้อไม่ดีเหมือนเก่า ถูกออกจากปากเขาไม่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นที่เราเคยคุยก่อนหน้า
บู้บอกกับเราว่า เขาอ่านบทความเรื่องธุรกิจทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เช่นเดียวกับการนั่งดูคลิปวีดีโอของเหล่าสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ
“ผมว่าผมเข้าใจธุรกิจมากขึ้นนะ จริงอยู่ว่าผมสร้าง Rompboy มาด้วยสัญชาตญาณ เพราะในตอนแรกผมไม่รู้อะไรเลย แต่วันนี้ผมมองมันละเอียดมากขึ้น รู้ว่าธุรกิจมันเป็นเรื่องของจังหวะด้วย ส่วนตัวผมว่าคุยเรื่องธุรกิจมันสนุกและมันช่วยให้อินสไปร์อะไรบางอย่าง
ผู้นำความเป็น Rompboy
หลายๆ คนคิดว่า Rompboy คือบู้เสลอ จริงๆ แล้วเขามีทีมงาน เป็นทีมในนาม บริษัท รอมพ์บอย (ประเทศไทย) จำกัด มีคนเบื้องหลังที่ Corporate Identity เพื่อดูว่าโปรเจ็กต์ต่างๆ จะหลุดโทนไหม มีคนทำกราฟิก มีดีไซเนอร์ ทำเสื้อผ้า หมวก กางเกง มีคนประสานงานคุยกับช่าง ซึ่งมีรายละเอียดจุกจิกค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ยังมีแอดมินเพจที่ช่วยตอบคำถามลูกค้า หลักๆ มีประมาณนี้ เว้นแต่จะมีโปรเจ็กต์พิเศษเราก็ต้องจ่างฟรีแลนซ์เพิ่ม ขึ้นอยู่กับว่าใคร เหมาะกับโปรเจ็กต์ไหน
“เวลาเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ ผมคิดกับมันตลอดเวลา หายใจเข้าหายใจออกแต่เรื่องเดียว และจนถึงวันนี้ผมมองว่ากลุ่มคนที่ใส่ Rompboy มันค่อนข้างกว้างกว่าตอนที่เราวางตอนแรก
แต่เดิม Rompboy คือเด็กผู้ชายตัวไม่ใหญ่ เดินสวนจตุจักร เดินสยาม ฟังเพลงอินดี้และไม่ซื้อของที่แพงมาก แต่ตอนนี้หลากหลายขึ้น กว้างไปหลายๆ กลุ่ม ถึงเช่นนั้นก็ยัง play safe ที่จะจ่าย หรือถ้าเป็นผู้หญิงก็จะแต่งตัวบอยๆ เรียบง่าย ไม่หวือหวาแต่มีดีเทล”
“วันนี้ผมเชื่อว่าเราดีในระดับหนึ่ง คือวางคู่กับแบรนด์ต่างชาติได้ไม่อายใคร กล้าดวลกัน อย่าไปมองว่าทำไมรองเท้าแบรนด์ไทยราคาสูง คุณไม่รู้หรอกว่าผมขายไป 50% แล้วยังไม่ได้กำไรด้วยซ้ำ ผมพิถีพิถันกับมันจริงๆ และไม่มีทางเลยที่พวกเราจะฉาบฉวย อย่างเวลาคุณใส่เดินกับเพื่อน รองเท้าทรงใกล้เคียง ผมมั่นใจเลยว่ารองเท้า Rompboy ดีไม่แพ้ใครแน่ๆ ”
เครดิต: dooddot.com
9,045 , 3