เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

เตรียมอุดมศึกษามาตุภูมิศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาผู้ทรงเกียรติภูมิทุกแวดวงสังคมแห่งสยามประเทศ เพลง“แด่ เตรียมอุดมฯ” ที่ร้องขับขานว่า “สูงสุดตาแลพระเกี้ยวเด่นแท้บนแพรชมพู … พระเกี้ยวคงนาม ประกาศเกียรติงามและความชื่นชม ให้เตรียมอุดมฯสมสมัยวิไลไม่สิ้น ฝากคำย้ำเตือนขอเพื่อนอย่างร้างลืมถิ่น แดนที่หนุน พระคุณแผ่นดิน เทิดเหนือชีวินเป็นปิ่นหทัย” ดังกึกก้องและตราตรึงในดวงจิตของลูกพระเกี้ยวน้อยตลอดกาล

เฉกเช่นสุดยอดสุภาพสตรีทรงอิทธิพลนามว่า “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ค้าเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน เรือรบ หัวขุดเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน ฯลฯ ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้แลดูแล้วขัดกับบุคลิกเธอที่เป็นผู้หญิงสวยบอบบางโดยมีรางวัลขวัญใจเตรียมทหาร(พ.ศ.2505)เป็นตราประกัน แต่เธอคือพระเกี้ยวน้อยเตรียมอุดมศึกษาที่ก้าวเข้าสู่คณะสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์(ปัจจุบัน คณะนิเทศศาสตร์) รุ่นที่1 แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นพระเกี้ยวใหญ่อย่างเต็มภาคภูมิ เกริ่นนำมาเพียงเท่านี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าความสามารถและชื่อเสียงเธอได้ “ประกาศเกียรติงามและความชื่นชมให้เตรียมอุดมฯสมสมัยวิไลไม่สิ้น” อย่างแท้จริงสมกับที่เกิดมาในชาติตระกูลเชื้อสายหลวงศรีรัตนากร

ขอกล่าวก่อนเลยว่ารูปแบบการใช้ชีวิตของใครเป็นอย่างไรไม่รู้ ในขณะนี้รู้แต่เพียงว่าชีวิตของ “หทัยเทพ ธีระธาดา” ต้องบอกว่า “Extremely perfect” ใครในดินแดนสยามประเทศที่ว่าแน่ ต้องยอมสยบต่อเธอคนนี้ !!”

ในปี พ.ศ.2543 สุภาพสตรีท่านนี้ได้รับรางวัลสตรีตัวอย่างประจำปี สาขานักธุรกิจการค้าต่างประเทศและเครื่องสำอาง ในปีต่อมาเธอได้รับรางวัลสตรีตัวอย่างประจำปี สาขานักธุรกิจผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม ศาสนาและประเทศชาติ รวมทั้งรางวัลลูกเสือโลกกิตติมศักดิ์ในปีเดียวกันนี้เอง

ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ชั้นสูงสุด “ปฐมดิเรกคุณาภรณ์(ป.ภ.)” แด่คุณหทัยเทพ ธีระธาดา เนื่องด้วยทรงพระราชดำริเห็นสมควรพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนาและประชาชน ถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลสืบไป

ชีวิตเธอเรียกว่าเพียบพร้อมในทุกด้าน คุณหทัยเทพ มีสกุลเดิมว่า “ศิริจรรยา” เป็นบุตรีในร้อยโทมั่น ศิริจรรยา(น้องหลวงศรีรัตนากร)กับคุณแม่ประวัติ มีพี่น้องทั้งหมด 10 ท่าน โดยเธอคือบุตรคนที่แปด ร้อยโทมั่นเป็นผู้คิดการณ์ไกลจึงทำให้ลูกทุกคนได้รับการศึกษาสูงสุดและในขณะนั้นครอบครัวศิริจรรยาเป็นตัวแทนน้ำยาดัดผมและอุปกรณ์ทำผมรายแรกของไทย ปัจจุบันพี่น้องของเธอดำรงตำแหน่งใหญ่มากมายในหลากหลายวงการ อาทิ ร.ศ.ประภาศรี ศิริจรรยา(พี่สาวคนโต) อดีตอาจารย์คณะคุรุศาสตร์จุฬาฯได้ถวายการสอนทูลกระหม่อมทั้งสี่พระองค์ที่โรงเรียนจิตรลดา, พ.ญ.เพ็ญแข (ศิริจรรยา) ลิ่มศิลา อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลยุวประสาทฯ, ร.ศ.ประพันธ์ ศืริจรรยา อดีตอาจารย์แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

หลังจากสำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเดินทางไปศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตด้านการบริหาร ณ Johnson Business College, Washington D.C., U.S.A. และกลับมาทำงานที่ Asian Institute of Technology(AIT) ในตำแหน่งเลขาฯวิศวโยธา ช่วงเวลานี้ได้สมรสกับนายจิรทัต ธีระธาดา(บุตร พล.ท.ทิพย์ ธีระธาดา อดีตเจ้ากรมการเงิน กระทรวงกลาโหม) เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อยู่เตรียมอุดมฯ หลังสมรสทั้งสองได้ไปใช้ชีวิตที่ Washington D.C., U.S.A สายเลือดนักเรียนเตรียมอุดมฯคือเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ มีคุณธรรมพร้อมเป็นผู้นำสังคม ด้านสามีศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิต ณ Catholic Universityเธอผู้ไม่เคยน้อยหน้าใครจึงพ่วงดีกรีรัฐศาสตร์การทูตจาก George Washington University, Washington D.C., U.S.A. และทำงานที่ World Bank, Washington D.C.,(แผนกกฎหมาย, พ.ศ.1970-1990) เป็นเวลาเดียวกันที่บุตรชายคนโตเธอทำงานที่ The Congress of Washington แนะนำให้เธอรู้จักกับ Senator Strom Thurmond ด้วยความสัมพันธ์นี้จึงง่ายต่อการติดต่อเป็นตัวแทนของโรงงานผลิตเฮลิคอปเตอร์ เป็นเหตุให้เธอใจเด็ดประมูลงานกับราชการในฐานะตัวแทนจำหน่ายเฮลิคอปเตอร์ รถถัง รถบรรทุก รถดับเพลิง เครื่องบินลำเลียง หัวขุดเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน ในขณะเดียวกันเธอยังเปิดร้านอาหารสองแห่งในรัฐเวอร์จิเนีย ชื่อ SAFFRON(อาหารไทย)และร้านอาหารฝรั่ง T.T.REYNOLD โดยครอบครัวเธอพักที่บ้านใน Clifton, Virginia เนื้อที่ 12 ไร่ ละแวกไม่ไกลกันนักจากสถานที่ทำงานของเธอ…

เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

ในเมืองไทยทราบดีอยู่แล้วถึงความเป็นอภิมหาเศรษฐีนีและเป็นเจ้าแม่นักธุรกิจ อยากรบกวนถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตว่าแต่ละช่วงเป็นอย่างไรคะ ?

“ขอแก้ข่าวนะคะ ดิฉันไมได้เป็นเศรษฐี แค่พอมีพอใช้ค่ะ ดิฉันจะไปทำงานที่ World Bank แต่เช้า 7 โมง คือเลือกเวลาทำงานได้ 7 โมงคือเร็วที่สุด สายสุดคือ 10 โมงเช้า ดิฉันเลือกเวลาเช้าที่สุดเพื่อจะได้กลับบ้านเร็ว มาดูแลอาหารให้ลูกและสามี มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทานอาหารด้วยกัน เล่นกันสักพักดิฉันก็จะไปดูแลร้านอาหารไทยตั้งแต่ทุ่มครึ่งถึง 3 ทุ่ม แล้วจะข้ามถนนไปยังร้านอาหารฝรั่งที่อยู่ตรงข้ามซึ่งปิดดึกกว่า หัวค่ำเสิร์ฟอาหาร สี่ทุ่มมีวงดนตรี ห้าทุ่มครึ่งจึงกลับบ้าน คืนวันพุธและศุกร์จะไม่ไปดูแลร้านอาหาร แต่จะอยู่บ้านทำขนมไทยจำพวกที่เก็บไว้ได้ เป็นต้นว่า วุ้นตาวัว ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหม้อแกงโดยคุณจิรทัตจะช่วยโรยฝอยทองด้วย

สำหรับวันเสาร์ ดิฉันจะตื่นเช้า ตีสี่มาทำขนมจำพวกกะทิ ข้าวเหนียวสังขยา ครองแครงแก้ว ลอดช่อง ไว้ส่งร้านขายของชำของคนไทยและร้านอาหารไทย หลังจากนั้นจะมีเวลากับครอบครัว ไปทานอาหาร เดินเล่นศูนย์การค้า สวนสนุก ขี่ม้า คุณจิรทัตจะใช้เวลาอยู่กับลูกมากกว่าดิฉัน ดูแลทุกเรื่องทั้งการบ้าน อ่านนิทาน พาไปเรียนเทควันโด เป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีของลูกเป็นที่สุด”

(เธอไม่ยอมเล่าถึงบรรดาธุรกิจยักษ์ใหญ่ของเธอ รวมถึงความใจเด็ดถอนเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ จนแล้วจนรอดก็ทานลูกอ้อนของบรรณาธิการไม่ได้ จึงได้ทราบมาเพียงเล็กน้อยจริงๆ กล่าวอย่างถ่อมตนและพยายามวกเข้าเรื่องครอบครัว)

“…จริงๆแล้วเดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำเอง เมื่อก่อนนำสินค้าเข้าประมูลเองซึ่งต้องใช้เวลามากมายและเคยเจ็บตัวหลายครั้ง ดิฉันจึงเปลี่ยนเป็น investor ให้การสนับสนุนทางการเงินกับบริษัทฯที่นำโครงการมาเสนอที่เห็นว่าคุ้มทุน เนื่องจากดิฉันสนใจการดูแลผิวพรรณ ความงามมาโดยตลอด ในปีพ.ศ.2540 ซึ่งเป็นปีที่ฟองสบู่แตก(เป็นปีชงของเธอด้วย) จึงติดต่อผลิตภัณฑ์ Natura Bisse จากสเปนขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยมาจำหน่ายที่เซ็นทรัลชิดลมและดิเอ็มโพเรียม ตั้งแต่ที่ผู้คนยังไม่รู้จัก ดิฉันพากเพียรจนถึงขั้นสำเร็จได้ เนื่องจากจะทำอะไรดิฉันต้องศึกษาจนเข้าใจถ่องแท้กับสิ่งที่ทำเป็นอย่างดี ตลอดจนให้ความสำคัญกับลูกค้าและซื้อใจลูกน้องด้วยการไปอยู่กับลูกน้องที่เคาน์เตอร์ทั้งสองแห่งโดยสลับวันไปให้คำแนะนำและวิธีการใช้ที่ถูกต้องด้วยตนเอง เมื่อมี midnight sale ก็จะอยู่กับลูกน้องจนห้างปิดคือเที่ยงคืน หลังจากที่ทำมาแล้วสิบปี ในปี พ.ศ.2550 มีความรู้สึกว่าทางบริษัทแม่ที่สเปนต้องการเข้ามาแทรกแซงกิจการ ชักจะบีบเรา ดิฉันตัดสินใจถอนเคาน์เตอร์ออกจากห้างสองแห่งทันที ภายใน 30 วัน และจนป่านนี้ Natura Bisse ก็ยังไม่สามารถนำเข้ามาในไทยได้อีกอีกทั้งนอกเหนือจากที่ทำ Lipstick ในชื่อ Sanee Nang ดิฉันกำลังทำผลิตภัณท์ premium สำหรับการชลอวัยและผิวพรรณด้วยค่ะ

… ดิฉันได้รับเกียรติให้เข้าทำงานในรัฐสภาในหลายตำแหน่ง อาทิ อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงินสภาผู้แทนราษฏร, อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการปกครองวุฒิสภา, อดีตที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทนราษฏร, ผู้ช่วยรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ฯลฯ จริงๆที่กลับมาอยู่ที่ไทยต้องการมาดูแลคุณแม่เพราะขณะที่อยู่ที่นั่นคุณแม่บินไปเยี่ยมดิฉันและหลานทุกปีจนกระทั่งไปไม่ไหว”

เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

ธุรกิจหินแบบนี้ เวลาพลาดพลั้งไปเป็นภัยมากมาย ตัดสินใจอย่างไร?

“เวลาทำธุรกิจต้องมองว่าเราปลอดภัยด้วย ถ้าเป็นการโอนสิทธิ์ให้ธนาคารจึงทำ ถ้าถามว่าทำแบบที่ไม่เคยโอนสิทธิ์มีไหม ตอบว่ามี ที่ค้างเงินมีไหม มี เกินร้อยล้าน แต่ไม่ว่ากันเพราะเข้าใจว่าคนเราพลาดกันได้ เขาทำดีที่สุดแล้วแต่อาจติดขัดในหลายๆเรื่อง ในฐานะเพื่อนก็ยังช่วยประคับประคองอยู่ คนเราต้องรู้จัก Dare to fail นะคะ ไม่เสียใจ ไม่ว่ากัน เหมือนลูกเราทำถ้วยชามแตกเขาตกใจอยู่แล้ว จะไปดุเขาซ้ำเติมทำไม”

เธอและคุณจิระทัตมีบุตรด้วยกันสองคน พี่น้องทั้งสองเกิดและโตที่ Washington, D.C., U.S.A.และได้รับการศึกษาอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัยจาก Saint Stephen Washington D.C.(Private School) คนโตคือนายภารไดย (Duke) ธีระธาดา ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Executive Vice President ธนาคารทหารไทย สำเร็จการศึกษาที่ North Carolina University, U.S.A., Oxford University ด้านนายภานุทัศน์ (Don) ธีระธาดา สำเร็จการศึกษาจาก George Mason University โดยเป็นนักเรียนทุนและเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยได้รับรางวัล 3rd World Champion ทางเทควันโด จากนั้นร่วมงานกับ Jackie Chang’s Stunt Team และ โจ เหวิน ฟะ ขณะนี้อยู่ที่ Hollywood เป็น Fight co-ordinator ออกแบบท่าบู้รวมทั้งเป็นตัวแสดงบู้แทนนักแสดงในบางเรื่อง (เป็นที่รู้จักใน Hollywood ในฉายา Don Tai)

 

ในเมื่อคุณจิรทัตเป็นพ่อที่ดีที่สุดของลูก ทำให้ใครหลายต่อหลายคนสงสัยว่าทำไมได้สามีดีปานนั้น จึงหย่ากันได้

“ดิฉันเป็นคนนิสัยไม่ดีที่เป็นคนใจร้อนและอยู่ไม่สุข ชอบคิดทำนั่นนี่อยู่ตลอด เรื่องลูกก็มีความคิดที่ไม่ตรงกัน ลูกต้องเรียนโรงเรียนดีที่สุดเพราะกลัวว่าลูกจะได้ใครเป็นเพื่อน คนร้อยพ่อพันแม่คละกันไปหมดและกลัวเรื่องยาเสพย์ติด ลูกต้องแต่งตัวดีที่สุด ใช้ของดีที่สุด ส่วนคุณจิรทัตถึงแม้คุณพ่อจะเป็นพลโทแต่จะเป็นคนสมถะมาก ความเห็นในเรื่องเหล่านี้จึงไม่ตรงกัน ดิฉันจึงขอหย่าเพื่อจะได้คัดค้านดิฉันไมได้เมื่อดิฉันตัดสินใจทำอะไรหรือให้อะไรลูกแต่เรายังอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน ทานอาหารด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆกับลูกๆด้วยกันเสมอ แยกกันเพียงเวลานอน ลูกจึงไม่มีปมด้อยและไม่ว้าเหว่ ถึงแม้จะหย่ากันแต่ดิฉันยังขอใช้นามสกุลคุณจิระทัต เพื่อให้เป็นนามสกุลเดียวกับลูกตลอดไป หลังจากนั้นดิฉันได้อยู่กับคุณวิทย์ ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล เราไม่ได้แต่งงานกันแต่อยู่ด้วยกันมาแล้ว 20 ปี คุณวิทย์เข้ากับคุณจิระทัตและลูกชายทั้งสองคนได้ดี สิ่งที่ประทับใจที่สุดของคุณวิทย์คือหัวใจ”
เปิดม่านชีวิต “หทัยเทพ ธีระธาดา” เจ้าแม่ตัวจริงแห่งสนามการค้าเฮลิคอปเตอร์

มีหลักปฏิบัติต่อครอบครัวอย่างไร ลูกทั้งสองถึงได้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุด?

“ตอนพวกเขาเด็ก ดิฉันจะให้ลูกทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ตอนนั้นที่บ้านพักเวอร์จิเนียมีพื้นที่ 12 ไร่ 11 ห้องนอน มี basement เป็นห้องสำหรับใส่เครื่องมือออกกำลังกาย ครอบครัวเราจึงคุ้นเคยกับการออกกำลังและติดเป็นนิสัย ดิฉันตามใจลูกมากเรียกได้ว่าไม่เคยขัดใจ ไม่ว่าอยากได้อะไรแพงแค่ไหนก็จัดหาให้ แต่จะสอนเสมอว่า ถ้าอยากดำรงชีวิตที่สุขสบาย มีของที่ดีใช้ ต้องตั้งใจเรียน เรียนจบต้องตั้งใจทำงาน จะได้มีเงินมากพอที่จะมีชีวิตที่ดีและใช้ของดีตลอดไป นอกจากนี้แล้วดิฉันอบรมให้ลูกมีนิสัยอ่อนโยน ถ่อมตน มีสัมมาคารวะต่อทุกคนไม่เว้นว่าจะต่างกันด้านวัยวุฒิ คุณวุฒิหรือผู้ที่ด้อยกว่า ต้องกล่าวขอบคุณแม้แต่กับแม่บ้านหรือคนรถ

ดิฉันเชื่อในเรื่องบุญบาปและกรรมเวร เมื่อเราเกิดมามีโอกาสดีกว่าผู้ที่ด้อยกว่าเรา นั่นคือเพราะบุญที่เราสะสมมาจากอดีตชาติ บุญเปรียบเสมือนน้ำในแก้ว ถ้าเราดื่มน้ำจากแก้วไปโดยไม่เติมน้ำ น้ำก็จะหมดไปนั่นคือบุญหมดไป แล้วกรรมที่เราเคยมีในอดีตชาติหรือปัจจุบันก็จะตามมาทัน ดิฉันจึงระลึกเรื่องนี้และสอนลูกรวมทั้งตนเองเสมอให้เปรียบเทียบสุขที่เราได้รับกับความทุกข์ยากของผู้อื่น คนรอบข้างและพยายามช่วยผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเราเท่าที่เราสามารถจะทำได้ ดิฉันเป็นคนกลัวเข็มจึงไม่สามารถบริจาคเลือด แต่ก็ทดแทนโดยการซื้อเลือด ซื้อน้ำเกลือ ยารักษาโรคและบริจาคโลงศพเป็นประจำ

ที่บ้านเรามีห้องที่จัดเป็นที่เคารพสักการบูชาอยู่ 3 ห้องด้วยกันคือ ห้องพระ ห้องเทพ ห้องพระมหากษัตริย์ ลูกๆจึงเห็นดิฉันไหว้พระ สวดมนต์ ทำสมาธิอยู่เสมอตั้งแต่เล็กและจะตามดิฉันไปทำบุญเสมอทั้งในและต่างประเทศโดยไม่จำกัดศาสนา และช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ได้รับความทุกข์ยากจากภัยธรรมชาติ เด็กอนาถาที่ขาดความอบอุ่นโดยให้ทุนการศึกษาแก้โรงเรียนบางแม่หม้ายรัฐราษฎร์รังสฤษดิ์ (จ.สุพรรณบุรี) และโรงเรียนวัดหนองสวรรค์ (จ.อุดรธานี)”

นอกจากจะจิตใจงาม ช่วยแชร์เคล็ดลับในการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกจะได้ฉายาว่า “สตรีอมตะ” ให้เราได้ทราบหน่อยได้ไหมคะ
?

“ผู้หญิงกับความงามเป็นของคู่กัน การที่จะให้ความสวยกับตัวเรานั้น ย่อมมาจากหลายสิ่งประกอบกัน พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ทานอะไรตามใจปากมากนัก ไม่ใช่ว่าอดอาหารหรือขนมที่อยากทาน แต่ทานให้พอหายอยาก ดิฉันเป็นคนทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นมากเรื่องความสะอาด จะดื่มน้ำเปล่า ไม่ดื่มน้ำอัดลม ของมึนเมา ไม่สูบบุหรี่ เพียงเท่านี้เราก็จะมีร่างกายที่แข็งแรงและผิวพรรณดี”

เครดิต: Siamscope.com

 1,999,805 ,  3 

No Comments Yet

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

Siam Scope Magazine