เป็นข่าวที่ช็อกไปตามๆกัน เรื่องการซื้อขายที่ดินผืนใหญ่ ย่านถนนวิทยุ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่รู้จักกันดีในชื่อ “ปาร์คนายเลิศ” โดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BDMS) เป็นผู้ซื้อที่ดินกว่า 15 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่าราวๆ หมื่นล้านบาท เพื่อทำเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจรแห่งใหม่
ชื่อของ “คุณเล็ก-ณพาภรณ์โพธิรัตนังกูร” ในฐานะผู้สืบทอดกิจการจึงตกเป็นเป้าในใจของวงสังคมและสื่อมวลชนหลายสำนัก วันนี้ Siamscope มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณเล็กอย่างใกล้ชิด คำตอบของเธอจะทำให้คุณผู่อ่านได้เข้าใจมุมมองต่างๆของเธอมากยิ่งขึ้น
1) ช่วยเล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆ ชีวิตส่วนตัว ครอบครัว หน้าที่การงานหน่อยได้ไหมคะ ?
เล็กไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่อายุ 12 ขวบค่ะ ด้วยความที่เล็กเป็นเด็กเอเชียตัวเล็กๆ ที่แทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เล็กเลยกลายเป็นเป้าโดนแกล้งตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่หลอมให้เล็กกลายเป็นเล็กในทุกวันนี้เลยค่ะ
การไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กมีทั้้งข้อดีและข้อเสีย การได้รับความรักและการสนับสนุนจากพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญมาก การที่เล็กได้รับสองสิ่งนี้อย่างเต็มที่จากครอบครัวทำให้เล็กเป็นคนที่พึงพาตัวเองได้ มีความมั่นใจ และคิดบวก พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิต เล็กโชคดีที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวปาร์คนายเลิศ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เล็กภูมิใจมาก เล้กรู้สึกว่า นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เล็กต้องการทำให้สำเร็จ
2) ได้ยินมาว่า โรงแรม “ปาร์คนายเลิศ” ออกมาประกาศปิดกิจการโรงแรมและธุรกิจในเครือตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเรื่องราวเรื่องหนึ่งจบลง เรื่องราวเรื่องใหม่มักจะเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งของโรงแรมถูกขายไปก็จริง แต่อีกส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ก็ยังครอบครองโดยครอบครัวนายเลิศ ซึ่งรวมไปถึงบ้านนายเลิศ สวนเลดี้ จี, บิสโทร, มา เมซอง, ไวท์ บัส คาเทอรร์ริ่ และ ตึก Bhakdi พนักงานจำนวนมากที่ทำงานกับโรงแรมนายเลิศ ก็ได้ย้ายมาทำงานกับบริษัทอื่นๆ ของเรา
3) ตัวคุณเองในฐานะทายาทของนายเลิศที่ร่ำเรียนมาทางด้าน Hotel Management โดยตรงจากอังกฤษเพื่อกลับมาบริหารธุรกิจโรงแรม 5 ดาวของตระกูล คุณคิดอย่างไรและมีวิธีรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้อย่างไร
เล็กมีพี่น้องค่ะ ดังนั้นเล็กคงไม่ใช่ผู้สืบทอดแต่ผู้เดียว และไม่มีใครขอร้องให้เล็กรับหน้าที่รับผิดชอบตรงนี้ แต่อย่างที่เล็กบอกไปตอนต้นว่าการสืบทอดตำนานนายเลิศที่มีมานานกว่า 140 ปี เป็นความตั้งใจของเล็ก เล็กรักในสิ่งที่เล็กทำตอนนี้ เวลาผ่านไปเร็วมากเมื่ออยู่กับนายเลิศ พนักงานทุกคนกลายมาเป็นครอบครัวใหญ่ของเรา ในบ้านซึ่งเราเล่น เราทำงานไปด้วยกัน เราเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน และที่สำคัญ เรามุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
4) คุณเคยมีตำแหน่งอะไรโรงแรม “ปาร์คนายเลิศ” และได้เรียนรู้อะไรจากการทำงานในตำแหน่งบ้าง
เล็กเริ่มงานด้ายการเป็นผู้จัดการฝึกหัดที่โรงแรมฮิลตัว ปาร์ค นายเลิศ แต่พวกพนักงานไม่ยอทให้เล็กล้างห้องน้ำ ครอบครัวเล็กเลยส่งเล็กไปฝึกงานอย่างจริงจังที่โรงแรมเครืออื่นในต่างประเทศ
เล็กไปฝึกงานที่โฟร์ ซีวั่น สิงคโปร์อยู่ 6 เดือน ที่ซึ่งเล็กได้เรียนรู้การจัดการทุกอย่างจาก 0-10 ประสบการณ์ครั้งนั้นได้เปลี่ยนมุมมองของเล็กเกี่ยวกับการเป็นผู้บริหารโรงแรมไปอย่างสิ้นเชิง เล็กได้เรียนรู้ว่าการเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมไม่ได้สวยหรูอย่างที่ใครๆ คิด ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นงานที่ต้องทุ่มเมเวลาและการเสียสละเป็นอย่างมาก เพราะงานโรงแรมเป็นงาน 24 ชั่วโมง 365 วัน ไม่มีวันหยุด หลังจากเสร็จการเทรน เล็กกลับมาที่กรุงเทพฯ และได้ฉายาอย่างเป็นทางการว่า ปารีส ฮิลตัน 20 ปีผ่านไป เล็กก็กลายมาเป็นกรรมการผู้จัดการของ ปาร์ค นายเลิศ และบ้านนายเลิศ ค่ะ
5) ได้ยินมาอีกว่า คุณเล็กเป็น Brand Ambassador ให้กับโรงแรมด้วย คุณเรียนรู้อะไรจากตรงนั้น
เล็กโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนายเลิศ และสิ่งที่เล็กทำอยู่ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเล็ก มันอยู่ในสายเลือดเลยค่ะ เล็กคิดว่า “แบรน์ แอมบาสเดอร์” ยังไม่ใช่คำที่บ่งบอกถึงตัวตนของเล็กค่ะ
6) ได้นำสิ่งที่เรียนมามาประยุกต์ใช้อย่างไรบ้าง
ถึงแม้ว่าเล็กจะเรียนจบด้านการโรงแรมมาจากมหาวิทยาลัยเซอเรย์ที่อังกฤษ เล็กรู้สึกว่าเล็กได้เรียนรู้จากการทำงานจริงมากกว่า การได้ศึกษาหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกๆ แผนกในโรงแรม เล็กมีโอกาสได้จัดการกับปัญหาต่างๆที่ห้องเรียนไม่ได้สอน การทำงานโรงแรมประกอบด้ววหัวใจสำคัญสองประการคือ พนักงานและลูกค้า เมื่อมีคนมาเกี่ยวข้องมากขึ้น ความคิดก็จะหลากหลายมากขึ้น และเมื่อนั่นความเห็นต่างก็จะตามมา ในฐานะที่เราเป็นผู้นำ เราต้องฟอร์มทีมให้ได้ รวมความคิดของทุกคนเข้าด้วยกัน และรตรึกตองว่าสิ่งไหนจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
7) เคล็ดลับการใช้ชีวิตอย่างสาวเก่ง สวย คล่องแคล่ว มั่น ต้องทำอย่างไร
เล็กถือว่าตัวเองโชคดีที่มีพ่อแม่ที่ให้โอกาส และอิสรภาพในการใช้ชีวิต และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เราต้องบาลานด์เวลาในการทำงานกับเวลาสำหรับตัวเองให้ดี เพราะนั่นคือสื่งสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสุข การอยู่ท่ามกลางผู้คนที่คิดบวกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากเช่นกันค่ะ
Credit: Siamscope. com
1,973,881 , 3