จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหากคุณสะพายกระเป๋าหนักเกินไป

จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหากคุณสะพายกระเป๋าหนักเกินไป

จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหากคุณสะพายกระเป๋าหนักเกินไป

เรามักจะถูกสอนว่าควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ แล้วถ้าเราถือกระเป๋าหนักๆเหล่านั้นติดต่อกันนานหลายชั่วโมงก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายใช่ไหม? ผิดค่ะ การศึกษาพบว่าการถือกระเป๋าหนักสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ บางคนเรียกอาการนี้ว่า “Poshitis” ซึ่งตั้งชื่อตาม “Posh Spice” ฉายาของวิคตอเรีย เบคแฮมที่มักจะถือกระเป๋าใบใหญ่ๆอยู่เสมอ เอาล่ะมาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคนเราหากเราสะพายกระเป๋าหนักเกินไปรวมถึงเคล็ดลับที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ในอนาคตด้วย

ความตึงเครียด

การถือกระเป๋าหนักย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน แต่เมื่อพูดถึง “หนัก” กระเป๋าเหล่านี้ควรหนักแค่ไหนกัน? เราทดลองให้ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 21-55 ปีชั่งน้ำหนักกระเป๋าของตัวเองและพบว่าน้ำหนักของกระเป๋าอยู่ที่ระหว่าง 3.5-10 กิโลกรัมหรือเท่ากับน้ำหนักตัวของเด็กแรกเกิดไปจนถึงอายุหนึ่งปี ดังนั้นไม่แปลกหรอกถ้าคุณจะรู้สึกแสบร้อนผิวและตึงเครียดเมื่อต้องถือกระเป๋าหนักๆเป็นเวลานาน เมื่อคุณถือกระเป๋าหนักกล้ามเนื้อในกระดูกสันหลังจะกระจายน้ำหนักและทำให้หลังส่วนล่างของคุณมีแรงกดยิ่งกว่าเดิม ยิ่งน้ำหนักไม่สมดุลทุกส่วนที่อยู่ต่ำกว่าไหล่ก็ยิ่งทำงานหนักมากขึ้น

ปวดศีรษะ

เมื่อกล้ามเนื้อไหล่กับคอกระตุกก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวดบริเวณด้านหลังกะโหลกศีรษะซึ่งจะแผ่กระจายไปยังด้านหน้าด้วย แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่านี่คืออาการปวดศีรษะที่เกิดจากการถือกระเป๋าใบใหญ่? ง่ายๆคือถ้ากระเป๋าของคุณหนักกว่า 4.5 กิโลกรัมก็อาจเป็นสาเหตุของเรื่องนี้ได้ แล้วถ้าคุณสังเกตว่าอาการปวดศีรษะเกิดขึ้นแค่ฝั่งเดียวก็เป็นไปได้ว่าเกิดจากน้ำหนักของกระเป๋านั่นเอง

ท่าเดินผิดแปลกไปจากเดิม

ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งของการถือกระเป๋าหนักคือความสมดุลของร่างกายโดยรวม คุณอาจเดินผิดแปลกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดหรือการเหวี่ยงแขนและขาไม่เป็นธรรมชาติขณะเดิน ขณะเดียวกันเครื่องแต่งกายบางชิ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของคนเราได้เช่นกัน เช่น รองเท้าส้นสูง เป็นต้น

กล้ามเนื้อไหล่และคอมีอาการตึง

กระเป๋าของเราสามารถทำให้กล้ามเนื้อทราพีเซียสที่อยู่ด้านบนช่วงไหล่ตึงและกระตุกได้ นอกจากนี้ยังอาจลามไปถึงต้นคอด้วยหรือที่เรียกว่า “คอตรงแข็ง” และยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นโรคข้ออักเสบบริเวณคอช่วงล่างได้เนื่องจากต้องรองรับน้ำหนักเป็นเวลานานเกินไป ขณะเดียวกันหากคุณมักจะคล้องกระเป๋าไว้ตรงข้อศอกน้ำหนักทั้งหมดของกระเป๋าก็จะกระจุกรวมกันอยู่ที่จุดเดียวซึ่งทำให้ส่งผลกระทบทั้งบริเวณต้นแขนและกล้ามเนื้อไหล่

สังเกตท่าทางของตัวเอง

วิธีแก้ปัญหาควรเริ่มจากกระเป๋าของคุณโดยการควบคุมน้ำหนักกระเป๋าไม่ให้เกิน 2.2-3.5 กิโลกรัม จากนั้นก็ส่องกระจกเวลาสะพายกระเป๋าหากการสะพายกระเป๋าทำให้คุณยืนตัวตรงไม่ได้งั้นก็แสดงว่ามีปัญหาแล้ว การสะพายกระเป๋าข้างหนึ่งและถือกระเป๋าอีกข้างหนึ่งเรียกว่า “แผนกายภาพบำบัด” หรือ “การใช้น้ำหนักที่เท่ากันทั้งสองข้างเพื่อสร้างความสมดุล” แต่ต้องระวังอย่าให้ทั้งสองข้างหนักเกินไปเนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการตึงเครียดโดยรวมได้

เลือกกระเป๋าใบใหม่

บางครั้งวิธีแก้ปัญหาก็แค่ซื้อกระเป๋าใบใหม่ที่น่าจะดีต่อร่างกายเท่านั้นเอง กุญแจสำคัญคือควรเลือกกระเป๋าที่มีสายสะพายกว้างอย่างน้อย 2 นิ้วเนื่องจากจะช่วยกระจายน้ำหนักได้อย่างเท่าเทียมกันพร้อมกับปกป้องกล้ามเนื้อคอไปจนถึงกล้ามเนื้อแขนซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างบอบบางและอาจบาดเจ็บจากการถือกระเป๋าหนักได้

หาเวลาบริหารกล้ามเนื้อ

หาเวลาบริหารกล้ามเนื้อเพื่อให้แข็งแรงพอที่จะรองรับน้ำหนักกระเป๋าใบใหญ่ของคุณ นอกจากกล้ามเนื้อหลังช่วงล่างกับหน้าท้องแล้วกล้ามเนื้อสะบักก็สำคัญไม่แพ้กัน คุณสามารถออกกำลังกายท่านี้ได้เมื่อสวมสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพโดยเริ่มจากแนบแขนไว้ข้างลำตัว งอข้อศอก 90 องศา หันฝ่ามือเข้าหากันและห่างกันเล็กน้อย ค่อยๆเคลื่อนมือทั้งสองข้างออกจากกันและบีบเกร็งกล้ามเนื้อสะบัก จากนั้นก็กลับสู่ท่าเริ่มต้น ควรทำทั้งหมด 2 เซ็ตๆละ 10 ครั้งทุกวันหรือวันเว้นวัน

ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายลงมาหน่อย

ทางที่ดีคุณควรทำความสะอาดกระเป๋าของตัวเองสัปดาห์ละครั้งและใช้ทุกช่องในกระเป๋าให้ครบเพื่อให้น้ำหนักภายในกระเป๋ากระจายโดยทั่วกัน ที่สำคัญควรเก็บเฉพาะของที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน วิธีนี้จะทำให้คุณมีความเป็นระเบียบมากขึ้น

 เครดิต: thelist.com

 3,660 ,  4 

No Comments Yet

Leave a Reply

Your email address will not be published.

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>

Siam Scope Magazine